ช่วงนี้กระแสข่าวการซื้อตัวร้อนแรงกันเหลือเกิน กระผมเลยขออนุญาตอัพเดทตามเทรนกันซักหน่อยนะครับ 555+ หลังจาก มหากาพย์ดราม่า ไซโด้คุง กับ WBA ไม่จบไม่สิ้นกันซักที
จนแฟนๆแบบเรานั่งกัน “ คอยห้วย ” กดปุ่ม F5 พังกันเป็นแถบๆ
ไม่ได้หลับได้นอนกัน ยังไงก็ใจเย็นๆค่อยๆเสพข่าวกันไปเรื่อยๆเนอะ
ไม่รู้ว่าเป็นบิ๊กเซอร์ไพร์สของ
ตาหม่ง เลวี่ รึป่าว จู่ๆชื่อ นักเตะดาวรุ่งเอเชียคนนึง อย่าง ซอง เฮือง มิน (คนส่วนใหญ่จะอ่านนะแบบนี้)
ก็ถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นว่าจะย้ายมาทีมเราภายใน 48 ชม.(อีกแล้ว เหรอ !!!) อีตอนแรกกระผมก็คิดว่าอาจจะแค่ลือกันไปรึป่าว ไปๆมาๆ อย่างที่โบราณว่าไว้
“ ไม่มีมูล หมามันไม่ขี้หรอก ” หลายๆคนอาจจะกรี๊ดแต๋วแตกแหวกดาก แต่บางท่านอาจจะ งงๆ
ว่าไอ่นี่มันเป็นใครฟระ ? 555 ถ้าเป็นพวกที่เล่น FM คงจะพอรู้กันว่า เจ้าหนูคนนี้ แม่ง ! พลังโคตรเยอะ
เรียกได้ว่าเป็น Wonderkids คนนึงในเกมส์เลยล่ะ ว่าแล้วมาดูชีวิตเจ้าหนูคนนี้ดีฝ่า
ชื่อ Son Heung Min
( ซน ฮึง มิน )
ประวัติส่วนตัว
เกิด 8 กรกฎาคม 1992 (อายุ 23 ปี)
สูง 183 เซนติเมตร หนัก 78 กิโลกรัม
ตำแหน่ง กองหน้า / ปีกซ้าย
ฤดูกาล 2014-2015 ยิง 11 ประตู
จ่ายแอสซิท ไป 2 ลูก
เลี้ยงบอลผ่านคู่ต่อสู้ 1.7 ครั้ง ต่อเกม
คิลเลอร์ พาส 1.4 ครั้งต่อเกม
เริ่มต้นอาชีพฟุตบอล
กับ Academy
ของสโมสร FC Seoul U-18 ในประเทศเกาหลีใต้
จนไปเตะตาแมวมองของ ฮัมบูร์ก จัดการดึงมาปั้นในเยอรมัน
ด้วยวัยเพียง 16 ปี เท่านั้น ! ด้วยที่เป็นเด็กจากเอเชียการปรับตัวอาจจะยากและเป็นอุปสรรค แต่กับเจ้าหนู ซน ฮึง มิน มันไม่ใช่ปัญหาเลย เขาปรับตัวเข้ากับสไตล์ฟุตบอลเยอรมันได้ดีเสียด้วย จนเพื่อนๆ Academy
ในฮัมบูร์กตั้งฉายาว่า “ เมสซี่กิมจิ ”
ตำแหน่งที่
ซน ฮึง มิน เล่นในตอนนั้น
เป็นตำแหน่งหน้าเป้าตัวสไตรเกอร์ แต่ด้วยทักษะพลิ้วไหวเหลือเกิน ในกรอบเขตโทษ
บวกกับการขยับหาจังหวะในทำประตูคู่แข่ง และเทคนิคการดวลตัวต่อตัวกับผู้รักษาประตู
เป็นผลให้ได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมทีมและบรรดาสต๊าฟโค้ชของฮัมบูร์ก
ด้วยฟอร์มที่โดดเด่นนี้เหมือนเป็นใบเบิกทางให้เจ้าหนูคนนี้ได้ร่วมเล่น
ปรีซีซั่นกับทีมชุดใหญ่ของฮัมบูร์ก แถมยังทำผลงานได้ร้อนแรง จนถูกดันขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ในปี
2010 ด้วยวัยเพียง 18 ปี !! โดยได้เล่นในตำแหน่งศูนย์หน้าร่วมกับ
มลาเดน เปตริส ตลอดเวลา 3 ฤดูกาลลงเล่นให้
ฮัมบูร์กไป 73 นัด ยิงไป 20 ประตู (2010 - 2011 ยิงไป 3 ประตู , 2011 - 2012 ยิงไป
5 ประตู , 2012 - 2013 ยิงไป 12 ประตู)
จนทีม ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น อดรนทนไม่ไหว ต้องยกขันหมากมาสู่ขอด้วยราคา 10 ล้านยูโร
เพื่อทดแทนตำแหน่งของ อังเดร ชูเล่ ที่เก็บข้าวของย้ายไปนั่งดองเค็มกับเชลซีที่อังกฤษ
หลังจากซื้อมาทางสโมสร เลเวอร์ เองก็ถูกโจมตีอย่างหนักจากแฟนๆว่า
ทำไมต้องลงทุนกับดาวรุ่งเอเชียอายุเพียง 21 ปี คนนี้ฟระ ! ราคาถึงหลัก 10 ล้านยูโร เลยรึ ???
แต่แล้วเพชรย่อมเป็นเพชร
ซน ฮึง มิน โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม โดยใช้ฝีตีนตบหน้าพวกที่ปรามาสในฝีเท้าของนักเตะเอเชียคนนี้
เป็นไงล่ะมึง !!(อันนี้แถมเอง 555) ถึงแม้จะถูกโยกมาเล่นหน้ากึ่งปีกซ้ายในระบบ
4-3-3 ก็ยังรักษาความร้อนแรง สะเด่า เขย่าหัวนมแฟนๆให้ฟินเคลิ้มกันไป โดยลงเล่น 17 นัด และทะลวงประตูให้
ทีมห้างขายยา ไป 10 ประตู ในฤดูกาล 2013 - 2014
ก่อนจะย้ายมา
ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ซน ฮึง มิน ก็เหมือนแกะน้อยที่อยู่กลางป่า เป็นที่หมายตาของบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ที่รอขย้ำ
ทั้ง แมนยู ลิเวอร์พูล แมนซิตี้ และไม่ก็พ้นทีมเรา ไก่จอมเจ้าชู้เป็นอีก 1
ในทีมจากอังกฤษ ที่ส่งแมวมองไปจับตาดูฟอร์มอย่างใกล้ชิด แต่สุดท้ายท้ายสุด เจ้าตัวก็เลือกทีมห้างขายยา
เพราะต้องการเล่นบอลยุโรปและยังไม่พร้อมย้ายออกจากเยอรมัน ประมาณว่าขอเก็บเลเวลอีกซัก
2-3 ปีที่เยอรมันแล้วค่อยว่ากัน แม้ แมนยู ลิเวอร์พูล ดอร์ทมุนต์ และเรา
จะยื่นซื้อไปแล้วก็ตาม
“
ผมไม่สนว่าผมจะได้เล่นตรงไหน หน้าเป้า หรือ หน้าต่ำ ขอแค่ได้ลงเล่นทุกเกม
ไม่ว่าโค้ชจะบอกอะไร ผมพร้อมจะทำตาม ผมไม่มีตำแหน่งที่ผมชอบเล่นเป็นพิเศษ
แค่ได้ลงเล่นแค่นั้นก็พอแล้วสำหรับผม ” จากบทสัมภาษณ์ตอนที่ย้ายมา ทีมห้างขายยา
ใหม่ๆ พูดแบบนี้ แฟนๆไม่รักก็ให้มันรู้ไป ปากหวานใช้ได้ 555+
มีบทสัมภาษณ์บางส่วนจาก
FourFourTwo ถาม ซน ฮึง มิน ว่า “ เสียใจที่ไม่ได้เติบโตที่เกาหลีใต้หรือไม่และมีเพื่อนนอกเหนือจากวงการฟุตบอลบ้างรึเปล่า
? ” เพราะเจ้าตัวย้ายมาอยู่เยอรมันตั้งแต่ อายุ 16 ปี ซน ฮึง
มิน ตอบว่า “ ผมไม่เคยสงสัยหรือนึกเสียใจกับการตัดสินใจของผมเลยแม้แต่ครั้งเดียว
อีกอย่างหนึ่งก็คือผมคิดว่าแม้จะอยู่ที่เกาหลีแต่ผมก็คงไม่มีเพื่อนนอกวงการฟุตบอลมากนักหรอก
เวลาอยู่บ้านผมก็ไม่ค่อยจะมีเวลาไปเจอใครนอกจากเล่นฟุตบอลอยู่แล้ว เพราะผมต้องซ้อมเกือบตลอดเวลาและที่เยอรมันก็ไม่ต่างกัน
” สรุปคร่าวๆก็คือไอ่หนูนี่วันๆมันคิดแต่เรื่องฟุตบอลแล้วก็ซ้อมๆๆ เพื่อนก็มีแต่เพื่อนในทีมเท่านั้น ถือว่ามีความมุ่งมั่นมากๆ
สุดท้ายแล้ว
จะได้หรือไม่ได้ตัวมา ก็ต้องลุ้นกันต่อไปกับเวลาที่เหลือ ที่ผมยกเรื่องนักเตะคนนี้มาก็เพราะผมได้อ่านบทสัมภาษณ์แล้วรู้สึกว่า
เขาเป็นนักเตะที่ดี มีความมุ่งมั่นมีความกระตือรือร้นในการลงสนามและการทำทุกอย่างเพื่อทีม
ซึ่งต่างจาก นักเตะของทีมเราคนนึง ที่วันๆไม่ทำห่าอะไร นอนกินเงินเล่นๆ ไปเที่ยวโน่นนี่
อย่าง อเดบายอ แทนที่จะแสดงสปิริตความเป็นมืออาชีพให้เห็นมากกว่านี้
คิดแล้วเหนื่อยใจกับมัน ภาวนาให้มันไปจากทีมเราเร็วๆละกัน สาธุ !!!