วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2558

หวังว่าจะเหมือนกันนะ ซนนี่

          ก่อนอื่นเปิดหัวด้วยข่าวดีกันเลยนะครับ ของแสดงความยินดีกับ เอริค ดายเออร์ ดาวรุ่งพุ่งแรง อนาคตของทีม ที่ได้รับการขยายสัญญาออกไปถึงปี 2020 เลยทีเดียว แต่ค่าเหนื่อยเท่าไหร่อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ แหะๆ ก็ขอให้อย่าเจ็บอย่าป่วย ฟอร์มดีขึ้นเรื่อยๆกับตำแหน่งกองกลางตัวรับในปีนี้ จนติดทีมชาติทุกนัดไปเลยนะไอ่หนู อิอิ


         ช่วงนี้ก็เงียบเหงาซะเหลือเกิน ตลาดซัมเมอร์ก็ปิดตัวลงแล้ว พักเบรกทีมชาติก็เข้ามาแทนที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา นั่งๆดูไปก็ แปร๊บ!! ขึ้นมาในหัว เรื่อง นักเตะที่ย้ายมาจาก บุนเดสลีกา

          จะว่าไปนักเตะที่มาจาก ลีคเยอรมัน หรือ บุนเดสลีกา มักจะมาดับที่พรีเมียร์ลีคซะส่วนใหญ่ ไม่ต้องไปมองที่ไหนไกลเลยทีมเราเนี่ยแหละ เลวิส โฮลบี้ นั่นไง !!! พูดไปแล้วก็นึกเสียดายเป็นนักเตะที่มีส่วนร่วมทางอารมณ์กับทีมเราสูงมาก 555+ (ย้ำว่า ทางอารมณ์)

          และก็ยังมีพวกซุปเปอร์สตาร์ทั้งหลายที่มาแล้วดับอย่าง มาร์โก้ มาริน , อันเดร เชือร์เล่ , เคาร์ดิโอ ปิซาโร่ , เจอโรม บัวเต็ง , ชินจิ คากาวะ , อินดี้ เซโก้ และอีกมากมายนับไม่ถ้วน  แต่ คากาวะ กับ เซโก้ เนี่ยส่วนตัว ผมว่า เจ้าตัวก็ทำได้ดีในพรีเมียร์ลีคนะ น่าจะเอาตัวรอดได้สบาย แต่ด้วยความมืดบอดของในตาโค้ชรวมไปถึงระบบทีมของแต่ละทีมไม่เหมือนกัน ทั้ง 2 เลยต้องแยกย้ายไปหากินที่ประเทศอื่นกันต่อไป

          แต่ที่ย้ายมาแล้วเล่นดีก็มีอยู่ ยกตัวอย่าง เช่น มิชาเอล บัลลัค , เยนส์ เลห์มันน์ ถ้าสมัยนี้ก็มี เอ็มเร่ ชาน และอีกหลายๆคนที่รอพิสูจน์ผีเท้า อย่าง โรแบร์โต้ เฟอร์มิโน่ , เควิน เดอ บรอยน์ ว่าจะอยู่รอดในลีคอังกฤษได้หรือไม่ 

          ทีมเราก็มีอยู่ 1 คน ที่ย้ายมาจากบุนเดสลีกาแล้ว กลายเป็นมหาเทพของทีมในสายตาของผมในตอนนั้น จะบอกว่าเกลียดมันมั้ย? ก็ไม่ใช่ จะชอบมันมั้ย? ก็ไม่เชิง นั่นคือ ไอ่เถิก ดิมิทาร์ เบอบาตอฟ ฉายา จูดาส คนที่ 2 นั่นเอง

          สมัยนั้นผมพูดได้เต็มปากเลย ว่า “ มันเป็นใครวะ “ จะว่าผมบ้านนอกก็ได้นะ แต่ในยุคสมัยนั้น การติดตามข่าวสารหรือฟอร์มการเล่นนักเตะจาก ลีคอื่นๆค่อนข้างจะลำบากพอสมควร เพราะมือถือผมยังใช้โนเกีย จอ ขาว-ดำ อยู่ 2จี3จี ไม่รู้จักหรอก (บ้านนอกสุดๆ)

เก็กหล่อ ถ่ายรูปในสีเสื้อของทีมเราครั้งแรก

          เราดึง ไอ่เถิกตอฟ จากไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 16 ล้านยูโร หรือ10.9 ล้านปอนด์  ในปี 2006  ซึ่งเป็นที่น่าแปลกใจเอามากๆสำหรับตัวผมเอง ณ เวลานั้นแต่ก็เอาน่ะใครจะมาเราก็เชียร์ทั้งนั้น ในใจก็พลางคิดว่า “ นี่มึงยังไม่เข็ดกับ เซอร์เก เรบรอฟ อีกหรือ ? (เรบรอฟ ราคา 11 ล้านปอนด์)

          แต่สุดท้าย เทพก็เป็นเทพ สกิลตีนตะขอ การจับบอลที่นุ่มนวล เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจของบรรดาแฟนๆทั่วโลก เบอบาตอฟ จับคู่กับ ร๊อบบี้ คีน ได้ลงตัว อย่างก่ะ ผัดกะเพราหมูสับที่ด้วยราดพริกน้ำปลาพร้อมเสริฟ ทั้ง 2 คน ถล่มประตูคู่แข่งเป็นว่าเล่น จนได้ใจแฟนๆกันไปถ้วนหน้า เปรียบประดุจมหาเทพเลยทีเดียว ใน ยุคสมัยของ มาติล โยล

          ของทีมเราเองก็มีก่ะเค้าเหมือนกัน นั่นคือ 2 หนุ่ม เควิน วิมเมอร์ ก่ะ ซน ฮึง มิน ที่ย้ายมาจาก เอฟซี  โคโลญจน์ และ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ในฤดูกาลนี้ คนแรกมาเพื่อเป็น Back up ของ แฟร์ทองเก้น ในการเล่นเซนเตอร์ฝั่งซ้าย คนที่ 2 มาเพื่อเติมมิติในเกมบุกเพราะเจ้าตัวเล่นได้ทั้งตัวรุกซ้ายขวารวมไปถึงหน้าเป้าด้วยและยังต้องแบ่งเบาภาระการทำประตู ที่ตอนนี้ มองหาในทีมก็คงมีแค่ แฮรี่ เคน เพียงคนเดียว

          ก็หวังว่า ซน ฮึง มิน หนุ่มตาตี่ที่มาจาก ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น จะทำได้ในระดับแบบที่ ไอ่เถิก ตอฟ ทำก่ะทีมเรา แต่ไม่ย้ายไปเปรตแดงนะ 555  ก็ภาวนาล่ะครับ ซน เอ๋ย ซนนี่ มาทำให้แฟนๆใน ไวท์ ฮาร์ท เลน ตะโกนเรียกชื่อดุจเทพเจ้าอีกครั้งด้วยเถิดดดดดดดดดดดดดดดดดดด สาธุ !!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น