ตั้งแต่เริ่มปีใหม่มา
เราแข่งไป 4 นัด
นัดที่ผ่านมา เป็นการได้รับชัยชนะนัดแรกของปี
2016
โดยเราเปิดบ้าน อัดแมวดำ
แบบสะใจแฟนบอล 4-1 ประตู ทั้งที่โดนยิงนำไปก่อน
แต่ก็ไล่ตีเสมอได้ทันควัน
ทำให้โมเมนตั้มไม่เอนเอียงไปทางฝั่งทีมเยือน
เป็นผลให้ครึ่งหลังเราเล่นกันได้ดีและเฉียบคม
ถึงจะดีใจแต่สำหรับลึกๆในใจผมแล้ว
กับเรื่องที่เราแพ้คาบ้านให้กับ
จิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ซิตี้
นั้น ผมยังมึนๆ
อึ้งๆไม่หายด้วยซ้ำ ทั้งที่เราบุกเยอะกว่า
เล่นดีกว่า โอกาสยิงก็เยอะ
แต่ก็อย่างว่าฟุตบอลมันวัดกันที่การทำประตูคู่แข่ง
เราไม่เด็ดขาดพอ แต่ก็ต้องให้เครดิตทาง
เลสเตอร์ ด้วย
คืนนี้
เราจะออกไปเยือน นัดล้างตานัดที่
สามหลังจากนัดแรก (เอฟเอคัพ)
ที่เราไล่ตีเสมอสุดมัน
2-2 ประตู นัดที่สองเราแพ้คาบ้าน
0-1
(พรีเมียร์ ลีค)
ซึ่งนัดนี้ถึงจะไม่ขนชุดใหญ่จัดเต็ม
แต่ด้วยมนต์ขลังของฟุตบอลถ้วยนี้และแรงศรัทธาจากแฟนบอล
คิดว่า พอช
คงน่าจะหมุนเวียนนักเตะ
อาจจะพักแค่บางคน วอคเกอร์
, เบน เดวิส
, ซน ฮึง
มิน รวมไปถึง
เบนทาเลบ น่าจะลงเป็น
11 ตัวจริง ในค่ำคืนแห่งการล้างตา
นัดนี้
รูปเกมน่าจะเดาได้
ว่า คงเปิดเกมรุกกัน
เต็มสูบ หวังชัยชนะแน่นอน
พอช กล้าพักแบ็คตัวจริงๆทั้ง
2
ฝั่ง ในลีค
คิดว่าคงเติมเกมกันสะเด่าแน่ๆ
ทั้งวอคเกอร์และเดวิส ถ้าพอชใจถึง
จับเคนลงเป็น 11 ตัวจริง
ผมว่างานนี้เราอาจจะได้รับชัยชนะกลับออกมาเพื่อเข้ารอบต่อไปแน่นอน
555
คิดแล้วเสียดายไม่หายจริงๆ
(นัดที่แพ้เลสเตอร์) ทั้งที่ผลของทีมอื่นๆที่ลุ้นพื้นที่
UCL
ต่างก็ออกเสมอกันหมด เปรตก็ไปเสมอก่ะนิวคาสเซิ่ล
, เน่าเสมอเป็ดแดง , แมนซิตี้เสมอเอฟเวอตัน
ถ้าเราชนะ ป่านนี้
คะแนนไล่บี้ลุ้นแชมป์หัวตารางไปแล้ว
นี่ล่ะคืออะไรบางอย่างที่มันอธิบายไม่ถูก
เหมือนกับมีเวรกรรมมาบัง
เวลาจะได้ๆดันทำไม่ได้
ไม่รู้ว่ายังขาดอะไร ทั้งที่ทีมเราก็ค่อนข้างจะลงตัวที่สุดแล้ว
ทั้งกองหลัง กองกลาง
กองหน้า โดยเฉพาะกองหลังทีมเรา
หลังจากจบนัดที่ 22 ตอนนี้ทีมเรากลายเป็นทีมที่เสียประตูน้อยที่สุดในพรีเมียร์ลีคไปแล้ว
โดยเสียแค่ 18 ประตู
(ในบ้านและนอกบ้านเสียอย่างละ
9
ประตูเท่ากัน) การมาของ
อัลเดอร์ไวเรล ถือเป็นการซื้อที่คุ้มค่าที่สุดแห่งปี
สำหรับกองหลังในพรีเมียร์เลยล่ะครับ
ตอนนี้เป็นห่วงแค่ว่าจะยืนระยะไหวรึป่าว
เพราะ พอช
จับลงเล่นทุกนัดเลย กลัวว่าจะเจ็บไปเสียก่อน
กองกลางไม่ต้องมองไปที่ไหน
เดเล่ อัลลี
นี่แหละฟอร์มร้อนแรงเหลือเกิน
ยิ่งเล่นยิ่งดีขึ้นเรื่อยจนเบียดตัวจริงเมื่อปีที่แล้วอย่าง
เบนทาเลบ ให้ไปนั่งสำรองได้
อายุเพียง 19 ปี
แต่ฝีเท้านั้นเหลือเกินจริงๆ
รางวัลดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี
คงไม่หนีไปไหนแน่ๆ ถ้าไม่เจ็บไม่ป่วยกันไปซะก่อน
แถมเราก็ไม่ลังเลที่จะจับต่อสัญญาระยะยาวไปจนถึงปี
2021
เลยทีเดียว และในปีนี้ยังมีตัวสอดแทรกขึ้นมาอย่าง
โจชัว โอโนม่าห์
เจ้าหนูวัยเพียง 19 ปี
ที่เพิ่งเซ็นสัญญาก่ะเราไปตอน
ต้นฤดูกาลจนถึง ปี
2019
ซึ่งในนัดที่เสมอกับ เลสเตอร์ในเอฟเอคัพ
ก็ได้ลงเป็น 11 ผู้เล่นตัวจริงด้วย
หวังว่าจะพัฒนาขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมในอนาคต
ใครที่เชียร์ไก่มานาน
น่าจะพอรู้ว่าในยุคก่อนหน้านี้
คำว่า บิ๊กโฟว์
มันกดหัวทีมเรามาตลอด โดยที่พวกเราก็ได้แต่รอคอย
วันที่เราจะข้ามกำแพงคำว่า
บิ๊กโฟว์ได้เสียที จนมาวันหนึ่งทีมเรานี่แหละที่ได้ทำลายกำแพงคำว่า
บิ๊กโฟว์ และตอนนี้ทีมเรากำลังจะข้ามผ่านกำแพงนั้นไป
เราไม่ได้ข้ามด้วยการจ่ายเงินเหมือนบางทีม
เราไม่ได้ข้ามไปด้วยการดึงนักเตะเกรดเอ
ระดับโลกมา แต่เราข้ามกำแพงเหล่านี้ไปด้วยรากฐานที่แข็งแกร่ง
ด้วยความสามารถ ด้วยศรัทธาจากแฟนบอลอย่างพวกเรา
และการจะไปถึงจุดสูงสุดนั้นได้
เราอาจจะพลาด อาจจะล้ม
แต่ทุกครั้งที่ล้มเราจะลุกขึ้นมาเพื่อก้าวผ่านกำแพงนั้นไปเสมอ
ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับเรา
ตราบใดที่เรายังศรัทธาในทีมครับ
Come
On your Spurs !!!
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น